นายจีระวัฒน์ ศรีแก้วณวรรณ
ผู้อำนวยการ โรงเรียนวัดนางเอื้อย
ประวัติ โรงเรียนวัดนางเอื้อย
โรงเรียนวัดนางเอื้อยจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่เท่าใด โดยใคร ไม่เป็นที่ปรากฏหลักฐานแต่ตั้งอยู่ในที่ธรณีสงฆ์ของวัดสุวรรณคีรี (นางเอื้อย) มีเนื้อที่ประมาณ 23 ไร่ ทิศเหนือจดถนนสายนางเอื้อย – ปากจัง ทิศใต้จดวัดสุวรรณคีรี ทิศตะวันออก จดห้วย ทิศตะวันตกจดตลาดนางเอื้อย โรงเรียนตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ไม่ปรากฏหลักฐานแต่เปิดทำการสอนครั้งแรกเมื่อ วันที่ 1 กันยายน 2475 ซึ่งขณะนั้นมีพระอธิการหวาน สีสุวัณโณ เป็นเจ้าอาวาสวัดสุวรรณคีรี มีนายน้อย แซ่เฮ่า เป็นครูคนแรก มีนายแต้ม สวนกูล เป็นครูใหญ่คนแรก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2477
วิสัยทัศน์
โรงเรียนวัดนางเอื้อย จะจัดการศึกษาร่วมกับชุมชนในการพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ ทักษะ มีคุณธรรมจริยธรรม มีจิตสาธารณะและมีจิตสำนึกในการเป็นพลเมืองดี มีเจตคติที่ดีในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เกิดคุณภาพชีวิต โดยยึดหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
พันธกิจ
- จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับปฐมวัยและประถมศึกษาอย่างมีคุณภาพ
- พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรมและมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
- สร้างจิตสำนึกความเป็นไทยและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยและประเพณีท้องถิ่นให้กับผู้เรียน
- ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้และแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
- ส่งเสริมการใช้ชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพครู
- เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชน
- อนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม
- นโยบายเป้าประสงค์
- นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานด้านผู้เรียน เพื่อการประเมินคุณภาพภายใน
- องค์กรชุมชนมีบทบาทในการจัดการศึกษา
- บุคลากรได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ
- โรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้ด้านเทคโนโลยี
- นักเรียนใช้หลักการการดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
อัตลักษณ์-เอกลักษณ์
อัตลักษณ์ของสถานศึกษา
มารยาทดี วจีไพเราะ
เอกลักษณ์ของสถานศึกษา
โรงเรียนสะอาด บรรยากาศร่มรื่น
ปรัชญาโรงเรียน
“เด็กเก่งและดี ครูมีพัฒนาการ สถานศึกษาน่าอยู่”
มอบทุน การศึกษาให้นักเด็กเรียน
วันพระ นักเรียนนำปิ่นโตมาวัด
มอบรางวัล ให้นักฟุตบอลหญิงชาย
คุณค่าทางโภชนาการของฟักทอง ประสิทธิภาพของฟักทอง
คุณค่าทางโภชนาการของฟักทอง นั้นอุดมสมบูรณ์มาก และมีหลายวิธีในการทำฟักทอง และรสชาติก็อร่อยมาก ผลและหน้าที่ของฟักทองเป็นอย่างไร เมื่อเรากินฟักทองอาหารชนิดใดที่ทานร่วมกันไม่ได้ และสิ่งที่ควรใส่ใจ
ฟักทองไม่ได้มีดีแค่ในช่วง Halloween เท่านั้นแต่ยังมีประโยชน์และคุณค่าทางอาหารมากมาย นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย ฟักทอง ถือเป็นพืชที่เป็นทั้งผักและผลไม้ มีสีเหลือง สำหรับฟักทองนั้นเราสามารถใช้เป็นผักได้เช่นเอามาแกง อย่างนี้เขาเรียกฟังทองเป็นผัก แต่ถ้าเอามานึ่งทานทำขนม อันนี้เรียกเป็นผลไม้ นอกจากนี้ ฟักทองนั้นเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงตัวหนึ่งที่เราควรทำความรู้จัก ทั้งในแง่ของสารอาหารและในแง่ของพืช สมุนไพรไทย
ฟักทองนั้นเป็นพืชที่ให้พลังงานต่ำ อาจขัดกับความคิดของหลายๆคน แต่จากการวิจัยเทียบกับพืชชนิดอื่นถือว่าต่ให้พลังงานต่ำ มีไขมันน้อย จึงเหมาะแก่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่จะต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลและครีมที่เติมเข้าไปด้วย นอกจากนี้ฟักทองยังมีกากใยสูงสามรถช่วยระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี
ฟักทองกินกับอะไรไม่ได้ ฟักทองและเนื้อแกะในความเป็นจริง หลายคนไม่รู้ว่าฟักทองไม่สามารถทานคู่กับเนื้อแกะได้ เนื่องจากทั้งสองชนิดเป็นอาหารร้อน และการกินร่วมกัน จะทำให้เกิดอาการท้องอืดและท้องผูก ผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อและมีไข้ไม่ควรรับประทาน เพื่อป้องกันการเสื่อมของโรค ฟักทองกับน้ำส้มสายชู บางคนชอบใส่น้ำส้มสายชูเล็กน้อยลงในฟักทอง แต่ไม่รู้ว่าการทำเช่นนั้นจะทำลายสารอาหารในฟักทอง และทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง
ฟักทองและผักโขม เมื่อกินฟักทองสามารถกินกับผักโขมได้ ฟักทองอุดมไปด้วยเอนไซม์ ย่อยสลายวิตามินซี ซึ่งจะทำลายวิตามินซีในผักโขม ลดคุณค่าทางโภชนาการของสารอาหาร ฟักทองและมันเทศ ล้วนเป็นอาหารที่ทำให้ง่วงซึมได้ง่ายหากไม่ปรุงสุก จะทำให้ท้องอืดได้
หากรับประทานทั้ง 2อย่างร่วมกันจะทำให้ท้องอืด ปวดท้องและมีกรดออกมาด้วย ฟักทองและปลาหมึก อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง กรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดโดโคซะเฮกซะอีโนอิก วิตามินเอและวิตามินดี มีหน้าที่กระตุ้นการขาดน้ำ บำรุงตับและส่งเสริมการผลิตน้ำนม อย่างไรก็ตามการรับประทานฟักทองกับปลาหมึก จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ
ฟักทองและอินทผลัม อินทผลัมอุดมไปด้วยวิตามินซี มีรสหวานและอบอุ่น อาหารไม่ย่อยง่าย เนื่องจากกินมากขึ้น ในขณะที่ฟักทองมีความอบอุ่น การกินทั้งสองอย่างร่วมกัน ไม่เพียงแต่ทำลายวิตามินซีเท่านั้น แต่ยังทำให้อาหารไม่ย่อย และอาการอื่นๆ แย่ลงอีกด้วย สรุปได้ว่า คุณต้องใส่ใจกับข้อห้าม เมื่อกินฟักทองอย่ากินร่วมกับอินทผาลัม ปลาหมึก น้ำส้มสายชูเป็นต้น เพื่อสุขภาพที่ดี
ข้อห้ามของฟักทอง อาจกลายเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้นผู้ที่แพ้ฟักทอง จึงไม่ควรกินโจ๊กฟักทอง ผู้ที่แพ้ฟักทอง การรับประทานฟักทองอาจทำให้ผิวหนังแดงบวม ท้องเสียบ่อย อาหารไม่ย่อย ปวดศีรษะ เจ็บคอ หอบหืดและอาการแพ้อื่นๆ ดังนั้นบุคคลดังกล่าว
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานฟักทอง ฟักทองมีความอบอุ่น และการรับประทานอาหารมากขึ้น จะทำให้เกิดความอับชื้นและความร้อน ดังนั้นผู้ที่มีอาการร้อนในอย่างรุนแรง ควรรับประทานให้น้อยลง ผู้ที่เป็นดีซ่านอาการเฉื่อยชา ไม่ควรกินในเวลาเดียวกัน ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเลือกกินฟักทอง
ห้ามกินฟักทองในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากฟักทองมีแคโรทีน หากร่างกายมนุษย์รับแคโรทีนมากเกินไป มันจะไปสะสมในชั้นผิวหนังชั้นขี้ไคล เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายและผิวหนังโดยรอบของเราจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเหมือนโรคดีซ่าน ดังนั้นคนที่เป็นโรคดีซ่าน จึงไม่ควรกินฟักทอง
ประสิทธิภาพและบทบาทของฟักทอง
แพทย์เชื่อว่า ฟักทองให้ความอบอุ่นและมีรสหวาน เมื่อเข้าสู่เส้นเมอริเดียนของม้ามและกระเพาะอาหาร มีหน้าที่ในการให้พลังงานแก่ร่างกาย ลดการอักเสบและความเจ็บปวด ล้างพิษและฆ่าแมลง สามารถใช้สำหรับการขาดเลือด และความเมื่อยล้า โรคประสาทระหว่างซี่โครง มาลาเรีย โรคบิด การล้างพิษจากยาเสพติด พยาธิไส้เดือน โรคหอบหืดในหลอดลม โรคเบาหวานและโรคอื่นๆ
ช่วยปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร ส่งเสริมการหลั่งน้ำดี หลีกเลี่ยงการกระตุ้นของอาหาร เสริมสร้างการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร และช่วยย่อยอาหาร ช่วยลดน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิต ควบคุมความสมดุลของอินซูลิน รักษาความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนอ้วน การป้องกันและรักษามะเร็ง ป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังมีผลในการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับและไต เพิ่มการสร้างใหม่ของเซลล์ตับและไต การป้องกันต่อมลูกหมาก ไขมันในเมล็ดฟักทอง มีผลในการรักษาและป้องกันโรคระบบทางเดินปัสสาวะ และต่อมลูกหมากโตได้ดี
คาร์โบไฮเดรตในฟักทอง ช่วยรักษาและบรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ในส่วนบนได้ด้วย สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะทานสามารถนำฟักทองนึ่งแล้วทาน จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องให้เบาบางแบบไม่ต้องพึ่งยาเลยทีเดียว
มีการการวิจัยรายงานว่าฟักทองสามารถช่วยบรรเทาอาการหอบหืดที่เกิดจากหลอดลมอักเสบในผู้สูงอายุได้
การกินฟักทองบ่อยๆ สามารถทำให้อุจจาระเรียบเนียน และมีผิวพรรณที่อวบอิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้หญิงก็มีผลในทางเครื่องสำอาง ช่วยให้ติดทนนาน ฟักทองยังสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้ เนื่องจากฟักทองมีกรดไลโนเลอิก กรดปาลมิติก กรดสเตียริกและกรดกลีเซอริกอื่ ๆ จำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นน้ำมันคุณภาพดี
การรับประทานฟักทองทั้งเปลือกจะสามรถกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งสารตัวนี้เป็นสารที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย หากขาดสารตัวนี้ หรือการหลั่งอินซูลินผิดปรกติ จะทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้การรับประทานทั้งเปลือกยัง สามรถควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพได้อีกด้วย
วิธีการซื้อและเก็บฟักทอง ควรเลือกพวกที่มีลักษณะสมบูรณ์ เนื้อสีทองมีน้ำหนักมาก ไม่เสียหายไม่มีแมลงเป็นต้น หากมีจุดสีดำปรากฏบนพื้นผิว แสดงว่ามีปัญหากับคุณภาพภายใน ถ้าผิวฟักทองไม่เป็นมันและหยาบ แสดงว่าค่อนข้างแก่ฟักทองที่สุกจะมีน้ำมากกว่า และเนื้อจะบางกรอบ ฟักทองแก่จะหวานกว่า เราสามารถเลือกตามความชอบส่วนตัวได้ เมื่อซื้อฟักทองที่ผ่าซีก ให้เลือกฟักทองที่สดหนานุ่มและไม่แห้ง
การเก็บฟักทอง ฟักทองเก็บง่ายกว่าฟักทองทั้งลูก สามารถเก็บไว้ได้ประมาณหนึ่งเดือน หากวางไว้ในที่เย็น สามารถเก็บไว้ได้ 2-3เดือน หากวางไว้ในตู้เย็น ถ้าเป็นฟักทองผ่าซีกต้องเอาเนื้อออกตอนเก็บ ไม่งั้นเนื้อฟักทองจะเละ และเสื่อมสภาพเน่าเสีย ต้องห่อด้วยพลาสติกแรป แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น