โรงเรียนวัดนางเอื้อย

หมู่ที่ 2 บ้านนางเอื้อย ตำบลกะทูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช 80270

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

075-483121

ความเหนื่อยล้า 7 ขั้นตอนในการลดความเหนื่อยล้าแก่ร่างกาย

ความเหนื่อยล้า วิธีจัดการกับความเหนื่อยล้า บางครั้งอาจรู้สึกเหนื่อยเป็นครั้งคราว แต่บางครั้งความเหนื่อยล้านี้อาจนานเกินไป และกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในฤดูหนาว ทำให้วันที่แดดจ้าลดลง หากร่างกายมนุษย์ขาดแสง จะทำให้ได้รับวิตามินดีน้อยลง ซึ่งส่งผลต่อการผลิตเอ็นดอร์ฟิน

ความเหนื่อยล้า

เพราะนั่นคือเหตุผลที่เราเหนื่อยเร็วและใช้ชีวิตที่ไม่กระฉับกระเฉง หากเบื่อกับอาการนี้ มีเคล็ดลับต่างๆ ที่จะช่วยให้หายจากอาการดังกล่าว ขั้นตอนที่ 1 คือกำหนดตัวเอง สิ่งแรกที่จะช่วยออกจาก”ความเหนื่อยล้า”นี้คือ การกำหนดการที่ชัดเจน เกี่ยวกับการตื่นนอนและการรับประทานอาหาร ไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่ต้องทำ แต่ยังชัดเจนถึงขอบเขตเมื่อต้องทำแต่ละอย่าง เพราะเมื่อไม่มีแผนชัดเจน เวลาว่างทั้งหมดของผู้คนส่วนใหญ่ก็คือ นอนดูละคร

นอกจากนี้สิ่งที่ต้องทำจะช่วยให้คุณเข้าใจว่า เมื่อใดควรทำงานหนักและทำสิ่งที่มีประโยชน์ ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรควรเลือกในสิ่งที่ผ่อนคลายได้ ขั้นตอนที่ 2 คือควรปรับการนอนหลับ หากไม่มีการนอนหลับสนิท ไม่มีตารางเวลาใดที่จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น คุณต้องนอนอย่างน้อย 7 ชั่วโมง แต่ถ้าหากนอนครบ 8 ถึง 9 ชั่วโมงจะดีที่สุด ยิ่งคุณเข้านอนเร็วในตอนเย็น การนอนหลับของคุณจะดีขึ้นเท่านั้น

การนอนจะส่งผลดีไม่เพียงต่อความมีชีวิตชีวาเท่านั้น อารมณ์ดีขึ้นและความหงุดหงิดจะหายไปในตอนเช้าอีกด้วย ขั้นตอนที่ 3 คือทบทวนอาหารที่ทานในแต่ละวัน หลังวันหยุด ร่างกายจะเต็มไปด้วยอาหารที่มีไขมัน ซอส ขนมหวาน ทำให้อาหารเกิดการสะสมได้ง่าย ดังนั้นควรเพิ่มอาหารที่จะช่วยปรับปรุงการทำงานของสมอง

ตัวอย่างเช่น วอลนัท ปลาทะเล แครอท นอกจากนี้ยังสามารถทานกล้วย ชาเขียว ผักโขม และข้าวโอ๊ต อย่าลืมดื่มน้ำ ในฤดูร้อนเราจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะเราควบคุมความร้อน ในฤดูหนาวหลายคนจะชอบดื่มชา มะนาวหรือกาแฟ แต่อย่าลืมดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว เพราะจะช่วยเร่งการเผาผลาญ ดีต่อสุขภาพ สามารถเติมมะนาวลงในน้ำและเครื่องดื่มอื่นๆ สามารถใช้สารแต่งกลิ่นในน้ำได้

ขั้นตอนที่ 3 คือการทำความสะอาด การระบายอากาศแบบเปียก ในฤดูหนาวหรือฤดูร้อน เราจะต้องระบายอากาศในห้องอยู่เสมอ เพื่อให้อากาศถ่ายเท ดังนั้นจึงควรทำบ่อยๆ เพราะอากาศบริสุทธิ์มีผลดีต่ออารมณ์ ความมีชีวิตชีวาและการนอนหลับ มีส่วนช่วยในการกำจัดเชื้อโรคที่อาจทำให้เกิดหวัดได้ นอกจากนี้ การทำความสะอาดแบบเปียกจะช่วยฟอกอากาศ เช็ดฝุ่นออกจากพื้นผิวทั้งหมดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

ขั้นตอนที่4 คือแสงสว่างและอากาศบริสุทธิ์มากขึ้น การระบายอากาศในห้องเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้คุณได้รับอากาศบริสุทธิ์ในปริมาณที่เหมาะสม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แสงแดดที่ร่างกายขาดหายไป คุณต้องหาเวลาในช่วงกลางวันที่ข้างนอกมีแดดจัดและมีแสงสว่างเพียงพอ สามารถออกไปรับประทานอาหารกลางวัน หรือออกจากบ้านในตอนเช้าเพื่อเดินเล่น นอกจากนี้ให้เปิดม่านที่บ้านให้มากที่สุด เพื่อให้แสงสว่างมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 5 คือออกกำลังกายหรือยืดเส้น การออกกำลังกายเล็กน้อยเป็นเวลา 15 ถึง 20 นาทีจะช่วยปรับปรุงอารมณ์ของคุณและเพิ่มพลัง ช่วยให้เลือดหมุนเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ในกิจวัตรประจำวันสามารถ ออกกำลังกายได้ดังนี้ โยคะ เต้นรำ เดิน ใน 1 หรือ 2 สัปดาห์ จะสังเกตเห็นว่าร่างกายต้องการการยืดเส้น

ขั้นตอนที่ 6 คือซื้อกระถางต้นไม้หลายต้น เพราะกระถางต้นไม้ ไม่เพียงแต่ช่วยทำความสะอาดอากาศในห้องเท่านั้น แต่ยังช่วยชดเชยความหมองหม่นบนท้องถนน เมื่อไม่มีใบไม้สีเขียวนอกหน้าต่าง ก็จะดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ขั้นตอนที่ 7 คือให้ค้นหาแหล่งเอ็นดอร์ฟินอื่น วิตามินดีไม่เพียงพอ ร่างกายจึงสูญเสียแหล่งเอ็นดอร์ฟินอย่างต่อเนื่อง

บางครั้งอาจทำให้หลายคนอารมณ์เสียได้ อาจทำให้เหนื่อยเร็วขึ้นและขี้เกียจมากขึ้น +เช่น ลองทำอะไรใหม่ๆ หาเพลงใหม่ๆ ที่ชอบ แทนที่ด้วยการทานของหวาน หรือช็อกโกแลต เพราะหากคุณพบงานอดิเรกใหม่ๆ ที่ดึงดูดใจ จะทำให้เรารู้สึกสมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะไม่ทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยง่าย ดังนั้นคุณต้องทำให้ร่างกายได้รับความรู้สึกที่แปลกใหม่ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น นอนหลับให้เพียงพอ ลดเรื่องเครียด ออกกำลังกายบ่อยๆ

บทความอื่นที่น่าสนใจ  ➠economic development โครงสร้างอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา